พระมหากษัตริย์นักกีฬา

รุ่นแก้ไขเมื่อ 15:39, 6 ตุลาคม 2552 โดย Haiiwiki (คุย | มีส่วนร่วม)
(ต่าง) ←รุ่นแก้ไขก่อนหน้า | รุ่นแก้ไขล่าสุด (ต่าง) | รุ่นแก้ไขถัดไป→ (ต่าง)
061009-กีฬา1.jpg

พระมหากษัตริย์นักกีฬา

“...การกีฬานั้นย่อมเป็นการทราบกันอยู่โดยทั่วไปแล้วว่า เป็นปัจจัยในการบริหารร่างกายให้แข็งแรง และฝึกอบรมจิตใจให้ผ่องแผ้วร่าเริง รู้จักแพ้และชนะ ไม่เอารัดเอาเปรียบกันมีการให้อภัยซึ่งกันและกัน สามัคคีกลมเกลียวกัน อย่างที่เรียกกันว่ามีน้ำใจเป็นนักกีฬา รวมความว่า ผลของการกีฬา คือ ผลทางร่างกายและทางจิตใจ...”

พระบรมราโชวาท ในพิธีเปิดการแข่งขันกรีฑาประจำปี ๒๔๙๘ ณ กรีฑาสถานแห่งชาติกรมพลศึกษา วันที่ ๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๙๘

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสนพระราชหฤทัยในการกีฬามาตั้งแต่ครั้งยังทรงพระเยาว์ ด้วยโปรดกีฬาหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นฮอคกี้น้ำแข็ง สกีหิมะ แบดมินตันเทนนิส ยิงปืน การทรงรถเล็ก การทรงกอล์ฟเล็ก และการวิ่งเพื่อสุขภาพ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นกีฬาที่ต้องทรงอาศัยเทคนิค ไหวพริบ และความละเอียดอ่อนมาประยุกต์ใช้กับความรู้และความสามารถรอบตัวร่วมกัน เนื่องจากพระราชภารกิจที่ต้องทรงปฏิบัติมีเป็นจำนวนมาก พระองค์จะทรงกีฬาเมื่อทรงว่างจากพระราชกรณียกิจ ทั้งยังโปรดทรงเพื่อการออกกำลังพระวรกายและพักผ่อนพระองค์เป็นสำคัญ

ทุกครั้งที่จะทรงกีฬา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงปฏิบัติพระองค์อย่างถูกต้องตามหลักการทางวิทยาศาสตร์การกีฬาเพื่อประโยชน์ต่อชีวิตและสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการจดบันทึกชีพจร ความดันพระโลหิตทั้งก่อนและหลัง ทรงออกกำลังพระวรกายอย่างสม่ำเสมอและทรงศึกษาเรื่องขั้นตอนของการออกกำลังกายอย่างจริงจัง

061009-กีฬา02.jpg
หนึ่งในกีฬาที่ทรงโปรดปราน ด้วยทรงเล่นอย่างสม่ำเสมอ ทั้งยังมีพระอัจฉริยภาพเป็นพิเศษคือ การทรงเรือใบ ซึ่งไม่เพียงแต่จะทรงเล่นเพื่อความเพลิดเพลินเท่านั้น หากแต่ยังทรงต่อเรือใบด้วยพระองค์เองและทรงนำไปร่วมในการแข่งขันกีฬาแหลมทองครั้งที่ ๔ (ภายหลังจึงได้เปลี่ยนชื่อเป็นกีฬาซีเกมส์) จนทรงได้รับชัยชนะในการแข่งขันเรือใบประเภท โอ.เค. เมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๐ นับจากนั้นจึงได้ถือเอาวันแห่งชัยชนะของพระองค์เป็น “วันกีฬาแห่งชาติ”

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองเหรียญทองร่วมกับสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดี นับเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกในทวีปเอเชียที่สามารถครองรางวัลชนะเลิศในการแข่งขันและเป็นที่ยอมรับในวงการกีฬาเรือใบระดับโลก

061009-กีฬา3.jpg
แบดมินตันเป็นกีฬาอีกประเภทหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดปรานมากเช่นกัน และโปรดให้มีการปรับแต่งหอประชุมภายในศาลาผกาภิรมย์ สวนจิตรลดาให้เป็นสนามแบดมินตันมาตรฐาน ซึ่งพระองค์มักจะทรงแบดมินตันในตอนเย็นวันศุกร์ และเช้าวันอาทิตย์ ทั้งยังทรงรับสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์เมื่อพุทธศักราช ๒๔๙๓ อีกด้วย นับจากนั้นวงการแบดมินตันของไทยจึงได้ก้าวไกลสู่ระดับสากล

ด้วยความที่ทรงตระหนักถึงแก่นแท้ของการกีฬาว่าเป็นหัวใจสำคัญในการเสริมสร้างสุขอนามัยให้แข็งแรงซึ่งจะมีผลต่อการพัฒนาสมองให้เกิดความคิดที่กว้างไกล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงมีพระราชประสงค์ในการสนับสนุนให้พสกนิกรชาวไทยเกิดความสนใจในการกีฬายิ่งขึ้น ด้วยจะก่อให้เกิดประโยชน์โดยรวมทั้งต่อตนเองและประเทศชาติ ดังพระบรมราโชวาทในพิธีเปิดการแข่งขันกรีฑาประจำปี ๒๕๐๗ ณ กรีฑาสถานแห่งชาติ กรมพลศึกษา วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๐๗ ความตอนหนึ่งว่า

"...การกีฬานั้น นอกจากจะให้ความสนุกสนานและความสมบูรณ์แก่ร่างกายแล้ว ยังให้ผลดีทางจิตใจได้อย่างมากมาย นักกีฬาที่ได้รับการฝึกหัดอบรมอย่างดีแล้ว ย่อมมีใจแน่วแน่ตัดสินใจได้รวดเร็ว มีความเพียรพยายามไม่ท้อถอย และมีความหนักแน่น รู้จักแพ้ รู้จักชนะ รู้จักให้อภัย ผู้มีใจเป็นนักกีฬา จึงเป็นผู้ที่มีประโยชน์ต่อสังคมและน่าคบหาสมาคมด้วยอย่างยิ่ง..."

หลายครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้นักกีฬาที่จะเดินทางเพื่อไปแข่งขันในกีฬาประเภทต่างๆ ยังต่างประเทศได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเพื่อพระราชทานพระราชดำรัสและพระบรมราโชวาท เพื่อให้กำลังใจและเตือนสติให้ทุกคนได้ระลึกถึงความเป็นคนไทย พร้อมเล่นกีฬาด้วยน้ำใจและไมตรี ดังพระบรมราโชวาทที่พระราชทานแก่คณะนักกีฬาซึ่งจะเดินทางไปร่วมแข่งขันกีฬาแหลมทองครั้งที่ ๕ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๑๒ ความตอนหนึ่งว่า

"...แต่ในคราวนี้โดยที่เป็นผู้แทนของประเทศไทยและไปในต่างประเทศ ก็ย่อมมีหน้าที่และต้องมีการปฏิบัติ เพิ่มเติมอีกก็คือเวลาปฏิบัติกีฬาก็จะต้องปฏิบัติตนเป็นนักกีฬาที่แท้ เพื่อแสดงว่าประเทศไทยมีนักกีฬาที่มีน้ำใจดีไม่ใช่พาล ถ้าชนะก็อย่าทะนงตัว ถ้าแพ้ก็อย่าท้อใจ ในการ ปฏิบัติกีฬานั้น การแสดงออกมาซึ่งกิริยาหรือท่าทางก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด..."

พระปรีชาสามารถด้านการกีฬาและพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระราชทานแก่วงการกีฬา ได้สร้างคุณูปการต่างๆ มากมายเป็นที่ประจักษ์แจ้งจนทรงได้รับการทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายพระราชสดุดีจากองค์การด้านการกีฬาจากนานาประเทศ

เหรียญสดุดีพระเกียรติยศด้านการกีฬาที่องค์กรต่างประเทศทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย

โอลิมปิกสากล2.jpg
  • เหรียญดุษฎีกิตติมศักดิ์ของโอลิมปิก “อิสริยาภรณ์โอลิมปิกชั้นสูงสุด (ทอง)”(First Class Order of Olympic(Gold)) - ในฐานะที่ทรงเป็นนักกีฬาอย่างแท้จริงและทรงสนับสนุนกีฬาจนเป็นที่ปรากฏชัดและนับเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลกที่ทรงได้รับการทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเหรียญโอลิมปิกชั้นสูงสุด
  • อิสริยาภรณ์สูงสุดทางการกีฬาของสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย(OCA Merit Award) - ในฐานะที่ทรงเป็นนักกีฬายอดเยี่ยม และทรงให้การสนับสนุนส่งเสริมการกีฬาของเอเชียและของโลกอย่างต่อเนื่อง
  • ถ้วยลาลาอูนิส (Lalaounis Cup) - เพื่อสดุดีพระเกียรติคุณด้านการกีฬาและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อวงการกีฬาของไทยและระหว่างประเทศ
  • เหรียญสดุดีพระเกียรติคุณ“โกลเด้น ชายนิง ซิมโบลออฟ เวิลด์ ลีดเดอร์ชิพ”(Golden Shining Symbolof World Leadership) - ในฐานะที่ทรงสนับสนุนการกีฬาของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกีฬามวย
แม้ว่าพระอัจฉริยภาพด้านการกีฬาจะเริ่มต้นขึ้นจากความสนพระราชหฤทัยในเรื่องสุขภาพพลามัยส่วนพระองค์ แต่ด้วยทรงเห็นว่าเป็นพื้นฐานสำคัญของการดำเนินชีวิตพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงพยายามปลูกฝังเรื่องความรักในการกีฬา โดยทรงเป็นผู้นำในการจุดประกายให้ปวงชนชาวไทยหันมาให้ความสนใจในกีฬามากขึ้น ด้วยการทรงปฏิบัติพระองค์เป็นแบบอย่างของนักกีฬาที่สมบูรณ์พร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ จนได้รับชัยชนะในการแข่งขันกีฬาเรือใบระดับเหรียญทอง ทำให้พสกนิกรพร้อมใจกันมุ่งมั่นเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงเพื่อรับกับการมีชีวิตและจิตใจที่เข้มแข็ง

ส่งผลให้ระบบการกีฬาของประเทศไทยเติบโตขึ้นงอกงามยิ่งขึ้น ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศในฐานะที่ไทย "เป็นหนึ่ง" ในผู้นำด้านการกีฬาบนเวทีโลก ไม่ว่าจะเป็น เทควันโด ตะกร้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "มวยไทย" จนก่อเกิด "มิตร" และ "ไมตรี" จากประเทศทั่วโลกและก้าวไปสู่อารยะด้านเกมกีฬาอย่างสมภาคภูมิ