ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การคมนาคม"

 
(ไม่แสดง 36 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน)
แถว 1: แถว 1:
[[ภาพ:คมนาคม1.jpg|center]]
+
<div id="bg_g1t">&nbsp;</div>
 +
<div id="bg_g1">
 +
<div id="bg_g0t">
 +
__NOTOC__
 +
[[ภาพ:คมนาคม1.jpg|ในหลวงทรงประทับบนสะพานอย่างใกล้ชิดกับประชาชน|center]]
 +
<center><h3>การสร้างเส้นทางคมนาคมอันเนื่องมาจากพระราชดำริ</h3></center>
 +
<div class="kindent">พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสนพระราชหฤทัยด้านการคมนาคมมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ความพอพระราชหฤทัยในเรื่องนี้เป็นที่รู้กันดีในหมู่พระประยูรญาติ ดังจะเห็นได้จากการที่ทรงได้รับพระราชทานของฝากเป็นรถเด็กเล่นจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดการเล่นรถไฟ และเมื่อทรงเจริญพระชนมายุขึ้นทรงสามารถประกอบเรือเดินสมุทร เรือรบ และเครื่องบินจำลองด้วยพระองค์เอง
  
===พุทธศักราช ๒๔๙๕ ถนนพระราชดำริสายแรก===
+
เมื่อเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ พระราชกรณียกิจที่สำคัญประการหนึ่งเพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรทั่วประเทศคือ การก่อสร้างเส้นทางคมนาคม เพื่อเปิดประตูสู่พื้นที่ชนบท และแก้ปัญหาจราจรในเขตเมืองมากมายหลายโครงการด้วยกัน เพื่อสร้าง “ความมั่นคงผาสุก และความร่มเย็นอย่างยั่งยืน” ตอบสนองทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ
 
+
</div>
หากมองย้อนกลับไปในช่วงต้นรัชกาล เราจะเห็นภาพเส้นทางเกวียนจำนวนเส้นทางระหว่างเมืองและชุมชนก็มีน้อยหรือถนนที่มีฝุ่นฟุ้งตลบ ทางที่คดเคี้ยวเป็นหลุมเป็นบ่อ ต้องใช้เวลานานในการเดินทาง ทำให้ประชาชนในชนบทติดต่อชุมชนเมืองอย่างยากลำบาก อีกทั้งบริการของรัฐก็เข้าไปไม่ถึง ได้พระราชทานพระราชดำรัสความตอนหนึ่งว่า
+
'''ทรงเปิดเส้นทางการพัฒนาสู่ชนบทที่ห่างไกล'''
 +
<div class="kindent">นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติพระราชภารกิจด้วยพระองค์เองโดยไม่ต้องผ่านคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์นั้น ได้เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปทรงเยี่ยมเยียนทุกข์สุขของพสกนิกรอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เริ่มจากการเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับแรม ณ วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในพุทธศักราช ๒๔๙๔ ทำให้ทรงตระหนักถึงปัญหาของพสกนิกร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานความช่วยเหลือด้านต่างๆ เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขของราษฎร พระราชภารกิจประการหนึ่งคือการ “ตัดเส้นทาง” เปิดประตูนำความเจริญสู่พื้นที่ชนบท
 +
</div>
  
 +
<center>
 +
<div style="display:table; width:90%; border:thin solid red" align="center">
 +
<div style="display:table; width:90%; margin-left:5%;text-align:left">
 +
==='''พุทธศักราช ๒๔๙๕ ถนนพระราชดำริสายแรก'''===
 +
<div class="kindent">หากมองย้อนกลับไปในช่วงต้นรัชกาล เราจะเห็นภาพเส้นทางเกวียนจำนวนเส้นทางระหว่างเมืองและชุมชนก็มีน้อยหรือถนนที่มีฝุ่นฟุ้งตลบ ทางที่คดเคี้ยวเป็นหลุมเป็นบ่อ ต้องใช้เวลานานในการเดินทาง ทำให้ประชาชนในชนบทติดต่อชุมชนเมืองอย่างยากลำบาก อีกทั้งบริการของรัฐก็เข้าไปไม่ถึง ได้พระราชทานพระราชดำรัสความตอนหนึ่งว่า
 +
<span style="color:darkgreen">"...ที่ข้างในหนองพลับแต่ก่อนนี้เข้าไม่ได้ แค่ครึ่งทางไปหนองพลับก็ไม่ได้ .. ปี ๒๔๙๕ หรือ ๙๖ เพิ่งได้รถบลูโดเซอร์ แล้วเอารถไปให้ค่ายนเรศวรให้สร้างถนนให้ไถถนนเข้าไปถึงห้วยมงคล ซึ่งเดี๋ยวนี้ห้วยมงคล ๒๐ นาทีก็ถึง ตอนนั้นเข้าไปตั้งแต่ ๘-๙ โมงเช้า เข้าไปถึงร่วมบ่ายโมง ไปรถจิ๊ปเข็นเข้าไป ลากเข้าไป..."
 +
</span>
 +
ที่บ้านห้วยมงคล ตำบลหินเหล็กไฟก็เช่นเดียวกัน แม้จะขึ้นอยู่กับอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และอยู่ห่างไกลความเจริญไม่ถึง ๒๐ กิโลเมตร แต่ก็ยังไม่มีถนนจากหมู่บ้านสู่ตลาดหัวหิน ประชาชนได้รับความลำบากในการเดินทางติดต่อกับภายนอกอย่างมาก
 +
</div>
 +
[[ภาพ:คมนาคม2.jpg|รถพระที่นั่งติดหล่ม|left]]เช้าวันหนึ่ง รถยนต์พระที่นั่งบุกเข้าไปถึง "บ้านห้วยมงคล" แล้วไปตกติดหล่ม ลุงรวย งามขำ เกษตรกรพร้อมเพื่อนบ้านได้เข้ามาช่วยเหลือโดยไม่ทราบว่าเจ้าของรถที่ขับมาติดหล่มอยู่นั้นเป็นใคร ภายหลังเมื่อเจ้าของรถลงมา จึงนึกได้ถึงคำบอกเล่าของผู้ใหญ่บ้านว่า "พระเจ้าอยู่หัว" กับ "สมเด็จพระราชินี" จะเสด็จพระราชดำเนินมาที่หัวหิน
  
<div style="color:darkgreen">"...ที่ข้างในหนองพลับแต่ก่อนนี้เข้าไม่ได้ แค่ครึ่งทางไปหนองพลับก็ไม่ได้ .. ปี ๒๔๙๕ หรือ ๙๖ เพิ่งได้รถบลูโดเซอร์ แล้วเอารถไปให้ค่ายนเรศวรให้สร้างถนนให้ไถถนนเข้าไปถึงห้วยมงคล ซึ่งเดี๋ยวนี้ห้วยมงคล ๒๐ นาทีก็ถึง ตอนนั้นเข้าไปตั้งแต่ ๘-๙ โมงเช้า เข้าไปถึงร่วมบ่ายโมง ไปรถจิ๊ปเข็นเข้าไป ลากเข้าไป..."
+
<div class="kindent">ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับ ได้รับสั่งถามถึงปัญหาของหมู่บ้าน และทรงทราบว่าสิ่งที่ชาวบ้านห้วยมงคลต้องการมากที่สุดคือ "ถนน" ดังนั้นต่อมาอีกไม่นาน โครงการพระราชดำริเพื่อก่อสร้าง "ถนนห้วยมงคล" จึงได้เกิดขึ้น นับเป็นถนนพระราชดำริสายแรกที่ทอดไปสู่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ด้านโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ทั่วประเทศ</div>
 
</div>
 
</div>
 +
</div></center>
  
  
ที่บ้านห้วยมงคล ตำบลหินเหล็กไฟก็เช่นเดียวกัน แม้จะขึ้นอยู่กับอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และอยู่ห่างไกลความเจริญไม่ถึง ๒๐ กิโลเมตร แต่ก็ยังไม่มีถนนจากหมู่บ้านสู่ตลาดหัวหิน ประชาชนได้รับความลำบากในการเดินทางติดต่อกับภายนอกอย่างมาก
 
 
[[ภาพ:คมนาคม2.jpg|left]]เช้าวันหนึ่ง รถยนต์พระที่นั่งบุกเข้าไปถึง "บ้านห้วยมงคล" แล้วไปตกติดหล่ม ลุงรวย งามขำ เกษตรกรพร้อมเพื่อนบ้านได้เข้ามาช่วยเหลือโดยไม่ทราบว่าเจ้าของรถที่ขับมาติดหล่มอยู่นั้นเป็นใคร ภายหลังเมื่อเจ้าของรถลงมา จึงนึกได้ถึงคำบอกเล่าของผู้ใหญ่บ้านว่า "พระเจ้าอยู่หัว" กับ "สมเด็จพระราชินี" จะเสด็จพระราชดำเนินมาที่หัวหิน
 
  
ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับ ได้รับสั่งถามถึงปัญหาของหมู่บ้าน และทรงทราบว่าสิ่งที่ชาวบ้านห้วยมงคลต้องการมากที่สุดคือ "ถนน" ดังนั้นต่อมาอีกไม่นาน โครงการพระราชดำริเพื่อก่อสร้าง "ถนนห้วยมงคล" จึงได้เกิดขึ้น นับเป็นถนนพระราชดำริสายแรกที่ทอดไปสู่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ด้านโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ทั่วประเทศ
+
[[ภาพ:011009-การคมนาคม-02.jpg|400px|center]]
 +
<div class="kindent">ในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในภูมิภาคต่างๆ นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างพระตำหนักประจำภูมิภาคเพื่อเป็นฐานการทรงงาน ส่งผลให้มีการก่อสร้างเส้นทางสัญจรสายใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้นตามรอยพระยุคลบาท และทรงใช้เส้นทางเหล่านั้นในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรและพระราชทานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเกือบ ๔,๐๐๐ โครงการ ที่กระจายไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ซึ่งล้วนเอื้อประโยชน์ต่อพสกนิกรทั้งในชนบทและชุมชนเมืองของไทยให้สามารถพึ่งตนเองได้อย่างพอเพียงและยั่งยืน
  
 +
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแนะนำหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องให้ก่อสร้างถนนอีกหลายเส้นทางซึ่งนอกเหนือไปจากเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการสัญจรของราษฎร ยังรวมถึงเพื่อความมั่นคงของประเทศชาติ
 +
เป็นสำคัญอีกด้วย โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคใต้ รวมทั้งยังได้เสด็จพระราชดำเนินไปในพื้นที่อันตราย เช่น เส้นทางสายน่าน - ปัว - ทุ่งช้าง - ปอน - ห้วยโก๋น อันเป็นเส้นทางที่ผู้ก่อการร้ายคุกคาม เพื่อขัดขวางการก่อสร้างทางมากกว่า ๑,๗๐๐ ครั้ง ทำให้สูญเสียเครื่องจักรและชีวิตของนายช่าง คนงาน ทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร และพนักงาน ของบริษัทรับเหมาก่อสร้างเป็นจำนวนมาก แม้จะเต็มไปด้วยภัยอันตรายนานา แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็มิได้ทรงหวั่นยังเสด็จพระราชดำเนินไปเพื่อพระราชทานขวัญและกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่กรมทางหลวงและหน่วยราชการอื่นๆ ในการบุกเบิกสร้างทางเหล่านั้น
  
 +
ช่วงพุทธศักราช ๒๕๒๑ - ๒๕๒๓ และ ๒๕๒๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริให้ดำเนินการปรับปรุงถนนในพื้นที่ทุรกันดาร เพื่ออำนวยประโยชน์ให้พสกนิกรที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านต่างๆ สามารถเดินทาง
 +
ติดต่อถึงกันด้วยความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยตลอดเส้นทาง โครงการปรับปรุงเส้นทางดังกล่าวมีจำนวนมากถึง ๔๕ สาย ส่วนใหญ่เป็นเส้นทางในภาคเหนือรองลงมาคือ ภาคใต้
  
 +
การดำเนินงานตามโครงการสร้างอ่างเก็บน้ำหรือฝายหรือโครงการฟาร์มตัวอย่างต่างๆ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ยังนำมาซึ่งการสร้างเส้นทางคมนาคมสายใหม่ๆ เพื่อให้สอดรับกับการพัฒนาพื้นที่แบบเบ็ดเสร็จ นั่นคือ นอกจากจะมีสาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างเพียงพอ มีทรัพยากรสำหรับการประกอบอาชีพให้มั่นคงแล้ว ยังต้องมีเส้นทางคมนาคมที่สะดวกเพื่อการติดต่อสัญจรของชาวบ้าน ซึ่งกรมทางหลวงชนบท หน่วยงานราชการที่รับผิดชอบโดยตรงได้สนองตามพระราชดำริ ดำเนินการก่อสร้างและปรับปรุงถนนให้ได้มาตรฐาน เอื้อประโยชน์ต่อเกษตรกรในโครงการพัฒนาพื้นที่เหล่านั้นได้เป็นอย่างดี
  
===คมนาคมในมหานคร===
+
พระมหากรุณาธิคุณที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เปิดทางสร้างถนนในพื้นที่ชนบทได้สร้างคุณูปการต่างๆ มากมายทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคมเป็นการเปิดเส้นทางเพื่อรับการพัฒนาในด้านต่างๆ ให้เข้าสู่
ปป
+
พื้นที่ ช่วยให้การเดินทางสัญจรระหว่างชุมชนคล่องตัวและช่วยลดต้นทุนในการขนส่งผลผลิตไปสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็ว ราษฎรมีงานทำ สามารถประกอบอาชีพภายในภูมิลำเนา ลดการเดินทางเข้าไปหางานทำในเมืองใหญ่ มีรายได้ในครัวเรือนเพิ่มขึ้นและสามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้ ทำให้สถาบันครอบครัวมีความมั่นคงเข้มแข็งอย่างยั่งยืน
ปป
+
</div>
  
----
+
<center>
<nowiki>**</nowiki>{{แม่แบบ:สำนักงาน กปร.2}}
+
{| width="90%" border="1"
 +
|align = "center" width="80"|พุทธศักราช||align = "center"  width="250"|เส้นทาง||align = "center" width="250"|หมายเหตุ
 +
|-
 +
|align = "center"|๒๔๙๕||* สายห้วยมงคล ประจวบคีรีขันธ์||เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
 +
|-
 +
|align = "center"|๒๕๑๓||* สายอำเภอรามัน - บ้านตะโละหะลอ อำเภอรือเสาะ นราธิวาส|| เพื่อความมั่นคงทางการเมืองและพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
 +
|-
 +
|align = "center"|๒๕๑๙||* สายปราจีนบุรี - เขาใหญ่ ทางหลวงหมายเลข ๓๐๗๗ ปราจีนบุรี||เส้นทางสายยุทธศาสตร์ให้รถยนต์ทหารผ่าน เพื่อความมั่นคงของประเทศบริเวณชายแดนกัมพูชา
 +
|-
 +
|align = "center"|๒๕๒๑||* สายอำเภอระแงะ - บ้านดุซงญอ - นิคมพัฒนาภาคใต้ นราธิวาส||เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
 +
|-
 +
|align = "center"|๒๕๒๑||* สายบ้านสามแยก - อำเภอสุไหงปาดี นราธิวาส||เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
 +
|-
 +
|align = "center"|๒๕๒๑||* สายบ้านวาก - บ้านใหม่ - บ้านแม่ตะไคร้ ทางหลวงหมายเลข ๑๒๒๙ เชียงใหม่ - ลำพูน||ปรับปรุงเส้นทางข้ามภูเขาระหว่างบ้านเปาสามขา อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ไปอำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจและสังคม
 +
|-
 +
|}</center>
  
 +
หมายเหตุ: ภายหลังจากนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริให้สร้างเส้นทางคมนาคมอย่างต่อเนื่อง
  
[[Category: สังคม]]
+
ที่มา: ทางหลวงตามรอยพระยุคลบาท พุทธศักราช ๒๕๕๐ กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม
[[Category: พระราชกรณียกิจ]]
+
[[หมวดหมู่:พระราชกรณียกิจ]][[หมวดหมู่:คมนาคม สาธารณูปโภค สื่อสาร]]
 +
</div></div>

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 15:47, 5 ตุลาคม 2552

 
ในหลวงทรงประทับบนสะพานอย่างใกล้ชิดกับประชาชน

การสร้างเส้นทางคมนาคมอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสนพระราชหฤทัยด้านการคมนาคมมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ความพอพระราชหฤทัยในเรื่องนี้เป็นที่รู้กันดีในหมู่พระประยูรญาติ ดังจะเห็นได้จากการที่ทรงได้รับพระราชทานของฝากเป็นรถเด็กเล่นจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดการเล่นรถไฟ และเมื่อทรงเจริญพระชนมายุขึ้นทรงสามารถประกอบเรือเดินสมุทร เรือรบ และเครื่องบินจำลองด้วยพระองค์เอง

เมื่อเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ พระราชกรณียกิจที่สำคัญประการหนึ่งเพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรทั่วประเทศคือ การก่อสร้างเส้นทางคมนาคม เพื่อเปิดประตูสู่พื้นที่ชนบท และแก้ปัญหาจราจรในเขตเมืองมากมายหลายโครงการด้วยกัน เพื่อสร้าง “ความมั่นคงผาสุก และความร่มเย็นอย่างยั่งยืน” ตอบสนองทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ

ทรงเปิดเส้นทางการพัฒนาสู่ชนบทที่ห่างไกล

นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติพระราชภารกิจด้วยพระองค์เองโดยไม่ต้องผ่านคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์นั้น ได้เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปทรงเยี่ยมเยียนทุกข์สุขของพสกนิกรอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เริ่มจากการเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับแรม ณ วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในพุทธศักราช ๒๔๙๔ ทำให้ทรงตระหนักถึงปัญหาของพสกนิกร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานความช่วยเหลือด้านต่างๆ เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขของราษฎร พระราชภารกิจประการหนึ่งคือการ “ตัดเส้นทาง” เปิดประตูนำความเจริญสู่พื้นที่ชนบท

พุทธศักราช ๒๔๙๕ ถนนพระราชดำริสายแรก

หากมองย้อนกลับไปในช่วงต้นรัชกาล เราจะเห็นภาพเส้นทางเกวียนจำนวนเส้นทางระหว่างเมืองและชุมชนก็มีน้อยหรือถนนที่มีฝุ่นฟุ้งตลบ ทางที่คดเคี้ยวเป็นหลุมเป็นบ่อ ต้องใช้เวลานานในการเดินทาง ทำให้ประชาชนในชนบทติดต่อชุมชนเมืองอย่างยากลำบาก อีกทั้งบริการของรัฐก็เข้าไปไม่ถึง ได้พระราชทานพระราชดำรัสความตอนหนึ่งว่า

"...ที่ข้างในหนองพลับแต่ก่อนนี้เข้าไม่ได้ แค่ครึ่งทางไปหนองพลับก็ไม่ได้ .. ปี ๒๔๙๕ หรือ ๙๖ เพิ่งได้รถบลูโดเซอร์ แล้วเอารถไปให้ค่ายนเรศวรให้สร้างถนนให้ไถถนนเข้าไปถึงห้วยมงคล ซึ่งเดี๋ยวนี้ห้วยมงคล ๒๐ นาทีก็ถึง ตอนนั้นเข้าไปตั้งแต่ ๘-๙ โมงเช้า เข้าไปถึงร่วมบ่ายโมง ไปรถจิ๊ปเข็นเข้าไป ลากเข้าไป..." ที่บ้านห้วยมงคล ตำบลหินเหล็กไฟก็เช่นเดียวกัน แม้จะขึ้นอยู่กับอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และอยู่ห่างไกลความเจริญไม่ถึง ๒๐ กิโลเมตร แต่ก็ยังไม่มีถนนจากหมู่บ้านสู่ตลาดหัวหิน ประชาชนได้รับความลำบากในการเดินทางติดต่อกับภายนอกอย่างมาก

รถพระที่นั่งติดหล่ม
เช้าวันหนึ่ง รถยนต์พระที่นั่งบุกเข้าไปถึง "บ้านห้วยมงคล" แล้วไปตกติดหล่ม ลุงรวย งามขำ เกษตรกรพร้อมเพื่อนบ้านได้เข้ามาช่วยเหลือโดยไม่ทราบว่าเจ้าของรถที่ขับมาติดหล่มอยู่นั้นเป็นใคร ภายหลังเมื่อเจ้าของรถลงมา จึงนึกได้ถึงคำบอกเล่าของผู้ใหญ่บ้านว่า "พระเจ้าอยู่หัว" กับ "สมเด็จพระราชินี" จะเสด็จพระราชดำเนินมาที่หัวหิน
ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับ ได้รับสั่งถามถึงปัญหาของหมู่บ้าน และทรงทราบว่าสิ่งที่ชาวบ้านห้วยมงคลต้องการมากที่สุดคือ "ถนน" ดังนั้นต่อมาอีกไม่นาน โครงการพระราชดำริเพื่อก่อสร้าง "ถนนห้วยมงคล" จึงได้เกิดขึ้น นับเป็นถนนพระราชดำริสายแรกที่ทอดไปสู่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ด้านโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ทั่วประเทศ


011009-การคมนาคม-02.jpg
ในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในภูมิภาคต่างๆ นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างพระตำหนักประจำภูมิภาคเพื่อเป็นฐานการทรงงาน ส่งผลให้มีการก่อสร้างเส้นทางสัญจรสายใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้นตามรอยพระยุคลบาท และทรงใช้เส้นทางเหล่านั้นในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรและพระราชทานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเกือบ ๔,๐๐๐ โครงการ ที่กระจายไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ซึ่งล้วนเอื้อประโยชน์ต่อพสกนิกรทั้งในชนบทและชุมชนเมืองของไทยให้สามารถพึ่งตนเองได้อย่างพอเพียงและยั่งยืน

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแนะนำหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องให้ก่อสร้างถนนอีกหลายเส้นทางซึ่งนอกเหนือไปจากเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการสัญจรของราษฎร ยังรวมถึงเพื่อความมั่นคงของประเทศชาติ เป็นสำคัญอีกด้วย โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคใต้ รวมทั้งยังได้เสด็จพระราชดำเนินไปในพื้นที่อันตราย เช่น เส้นทางสายน่าน - ปัว - ทุ่งช้าง - ปอน - ห้วยโก๋น อันเป็นเส้นทางที่ผู้ก่อการร้ายคุกคาม เพื่อขัดขวางการก่อสร้างทางมากกว่า ๑,๗๐๐ ครั้ง ทำให้สูญเสียเครื่องจักรและชีวิตของนายช่าง คนงาน ทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร และพนักงาน ของบริษัทรับเหมาก่อสร้างเป็นจำนวนมาก แม้จะเต็มไปด้วยภัยอันตรายนานา แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็มิได้ทรงหวั่นยังเสด็จพระราชดำเนินไปเพื่อพระราชทานขวัญและกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่กรมทางหลวงและหน่วยราชการอื่นๆ ในการบุกเบิกสร้างทางเหล่านั้น

ช่วงพุทธศักราช ๒๕๒๑ - ๒๕๒๓ และ ๒๕๒๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริให้ดำเนินการปรับปรุงถนนในพื้นที่ทุรกันดาร เพื่ออำนวยประโยชน์ให้พสกนิกรที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านต่างๆ สามารถเดินทาง ติดต่อถึงกันด้วยความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยตลอดเส้นทาง โครงการปรับปรุงเส้นทางดังกล่าวมีจำนวนมากถึง ๔๕ สาย ส่วนใหญ่เป็นเส้นทางในภาคเหนือรองลงมาคือ ภาคใต้

การดำเนินงานตามโครงการสร้างอ่างเก็บน้ำหรือฝายหรือโครงการฟาร์มตัวอย่างต่างๆ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ยังนำมาซึ่งการสร้างเส้นทางคมนาคมสายใหม่ๆ เพื่อให้สอดรับกับการพัฒนาพื้นที่แบบเบ็ดเสร็จ นั่นคือ นอกจากจะมีสาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างเพียงพอ มีทรัพยากรสำหรับการประกอบอาชีพให้มั่นคงแล้ว ยังต้องมีเส้นทางคมนาคมที่สะดวกเพื่อการติดต่อสัญจรของชาวบ้าน ซึ่งกรมทางหลวงชนบท หน่วยงานราชการที่รับผิดชอบโดยตรงได้สนองตามพระราชดำริ ดำเนินการก่อสร้างและปรับปรุงถนนให้ได้มาตรฐาน เอื้อประโยชน์ต่อเกษตรกรในโครงการพัฒนาพื้นที่เหล่านั้นได้เป็นอย่างดี

พระมหากรุณาธิคุณที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เปิดทางสร้างถนนในพื้นที่ชนบทได้สร้างคุณูปการต่างๆ มากมายทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคมเป็นการเปิดเส้นทางเพื่อรับการพัฒนาในด้านต่างๆ ให้เข้าสู่ พื้นที่ ช่วยให้การเดินทางสัญจรระหว่างชุมชนคล่องตัวและช่วยลดต้นทุนในการขนส่งผลผลิตไปสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็ว ราษฎรมีงานทำ สามารถประกอบอาชีพภายในภูมิลำเนา ลดการเดินทางเข้าไปหางานทำในเมืองใหญ่ มีรายได้ในครัวเรือนเพิ่มขึ้นและสามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้ ทำให้สถาบันครอบครัวมีความมั่นคงเข้มแข็งอย่างยั่งยืน

พุทธศักราช เส้นทาง หมายเหตุ
๒๔๙๕ * สายห้วยมงคล ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
๒๕๑๓ * สายอำเภอรามัน - บ้านตะโละหะลอ อำเภอรือเสาะ นราธิวาส เพื่อความมั่นคงทางการเมืองและพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
๒๕๑๙ * สายปราจีนบุรี - เขาใหญ่ ทางหลวงหมายเลข ๓๐๗๗ ปราจีนบุรี เส้นทางสายยุทธศาสตร์ให้รถยนต์ทหารผ่าน เพื่อความมั่นคงของประเทศบริเวณชายแดนกัมพูชา
๒๕๒๑ * สายอำเภอระแงะ - บ้านดุซงญอ - นิคมพัฒนาภาคใต้ นราธิวาส เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
๒๕๒๑ * สายบ้านสามแยก - อำเภอสุไหงปาดี นราธิวาส เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
๒๕๒๑ * สายบ้านวาก - บ้านใหม่ - บ้านแม่ตะไคร้ ทางหลวงหมายเลข ๑๒๒๙ เชียงใหม่ - ลำพูน ปรับปรุงเส้นทางข้ามภูเขาระหว่างบ้านเปาสามขา อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ไปอำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจและสังคม

หมายเหตุ: ภายหลังจากนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริให้สร้างเส้นทางคมนาคมอย่างต่อเนื่อง

ที่มา: ทางหลวงตามรอยพระยุคลบาท พุทธศักราช ๒๕๕๐ กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม